ค่าธรรมเนียมศาลสั่งจ่าย ในชั้นบังคับคดี

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 720 วรรคสอง บัญญัติว่า “เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเรียกค่าธรรมเนียมบังคับคดีจากลูกหนี้ได้เฉพาะค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระตามคำพิพากษาเท่านั้น”

ดังนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเรียกค่าธรรมเนียมบังคับคดีจากผู้ค้ำประกันได้เฉพาะค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระตามคำพิพากษาเท่านั้น โดยไม่อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์ ค่าธรรมเนียมการอายัดทรัพย์ ค่าธรรมเนียมการประกาศขายทรัพย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีเพิ่มเติมจากผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีดังกล่าวได้

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่แสดงถึงหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีดังนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7408/2544

“เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น โดยไม่อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เว้นแต่ลูกหนี้จะยอมชำระค่าธรรมเนียมบังคับคดีอื่นๆ เพิ่มเติมก็ตาม”

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060/2547

“เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเรียกค่าธรรมเนียมบังคับคดีจากลูกหนี้ได้เฉพาะค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระตามคำพิพากษาเท่านั้น โดยไม่อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เว้นแต่ลูกหนี้จะยอมชำระค่าธรรมเนียมบังคับคดีอื่นๆ เพิ่มเติมก็ตาม”

ดังนั้น หากผู้ค้ำประกันได้รับหมายเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีจากเจ้าพนักงานบังคับคดี ควรตรวจสอบให้ดีว่าค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือไม่ หากไม่ใช่ค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระตามคำพิพากษา ผู้ค้ำประกันสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบังคับคดีดังกล่าวได้

Share on: