ทรัพย์สินของพ่อแม่ที่เสียชีวิตจะตกทอดไปยังทายาทตามกฎหมาย โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่พ่อแม่มีพินัยกรรม
ทรัพย์สินของพ่อแม่จะตกทอดไปยังทายาทตามพินัยกรรม โดยทายาทจะต้องปฏิบัติตามพินัยกรรมอย่างเคร่งครัด หากทายาทคนใดไม่ปฏิบัติตามพินัยกรรม ทายาทคนนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย
กรณีที่พ่อแม่ไม่มีพินัยกรรม
ทรัพย์สินของพ่อแม่จะตกทอดไปยังทายาทโดยธรรม โดยทายาทจะต้องแบ่งมรดกกันตามลำดับชั้นและจำนวนทายาทตามกฎหมาย ดังนี้
ลำดับที่ 1 บุตร
ลำดับที่ 2 บิดามารดา
ลำดับที่ 3 พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
ลำดับที่ 4 พี่น้องร่วมบิดาคนเดียวกัน
ลำดับที่ 5 พี่น้องร่วมมารดาคนเดียวกัน
ลำดับที่ 6 ลุงป้าน้าอา (ฝ่ายบิดา)
ลำดับที่ 7 ลุงป้าน้าอา (ฝ่ายมารดา)
ลำดับที่ 8 ปู่ย่าตายาย (ฝ่ายบิดา)
ลำดับที่ 9 ปู่ย่าตายาย (ฝ่ายมารดา)
สำหรับทายาทที่เป็นบุตรหรือคู่สมรสของทายาทลำดับที่ 1-9 จะได้รับมรดกตามส่วนแบ่งของทายาทลำดับที่ 1-9 นั้น ๆ
ทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกจะต้องดำเนินการจดทะเบียนรับมรดกต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย หากทายาทไม่ดำเนินการจดทะเบียนรับมรดกภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ทายาทจะหมดสิทธิได้รับมรดก
เอกสารประกอบการจดทะเบียนรับมรดก ประกอบด้วย
- ใบมรณะบัตรของเจ้ามรดก
- ทะเบียนบ้านของเจ้ามรดก
- ทะเบียนสมรสของเจ้ามรดก (ถ้ามี)
- ทะเบียนบ้านของทายาท
- บัตรประจำตัวประชาชนของทายาท
- หนังสือแสดงสิทธิในการรับมรดก (ถ้ามี)
หากทายาทไม่สามารถเดินทางไปจดทะเบียนรับมรดกด้วยตนเองได้ ทายาทสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนรับมรดกแทนได้ โดยทายาทจะต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่ผู้รับมอบอำนาจ และให้ผู้มีอำนาจกระทำการแทนลงลายมือชื่อกำกับหนังสือมอบอำนาจด้วย
เมื่อทายาทจดทะเบียนรับมรดกแล้ว ทายาทจะมีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สินของเจ้ามรดกทุกประการ