ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่แรงดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด ไตวาย โรคหลอดเลือดแดงแข็ง เป็นต้น
ค่าความดันโลหิตปกติจะอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ความดันโลหิตสูงจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ความดันโลหิตสูงระดับ 1 (Mild hypertension) คือ ความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 140-159 มิลลิเมตรปรอท/90-99 มิลลิเมตรปรอท
- ความดันโลหิตสูงระดับ 2 (Moderate hypertension) คือ ความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 160-179 มิลลิเมตรปรอท/100-109 มิลลิเมตรปรอท
- ความดันโลหิตสูงระดับ 3 (Severe hypertension) คือ ความดันโลหิตตั้งแต่ 180 มิลลิเมตรปรอท/110 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
สาเหตุของความดันโลหิตสูงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน เช่น
- พันธุกรรม
- อายุ
- เพศ
- น้ำหนักตัว
- ระดับไขมันในเลือด
- ประวัติครอบครัว
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- โรคไตเรื้อรัง
- โรคหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์
- การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง
- การขาดการออกกำลังกาย
การรักษาความดันโลหิตสูงสามารถทำได้ด้วยการใช้ยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูงมีหลายชนิด แพทย์จะพิจารณาเลือกยาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยแต่ละราย การปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตเพื่อควบคุมความดันโลหิต ได้แก่
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ลดปริมาณเกลือในอาหาร
- รับประทานอาหารที่มีผักและผลไม้สด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่สูบบุหรี่
- ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ
การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง