หากถูกศาลฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินของตัวเอง เจ้าของที่ดินจะต้องดำเนินการดังนี้
- ยื่นคำร้องคัดค้านคำฟ้อง ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหมายศาล
ในคำร้องคัดค้านคำฟ้อง เจ้าของที่ดินจะต้องแสดงพยานหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น เช่น เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (ส.ค. 1) หนังสือรับรองการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (น.ส. 3) เป็นต้น
- ยื่นคำร้องขอไต่สวนมูลฟ้อง หากศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านคำฟ้องไว้พิจารณา
ในคำร้องขอไต่สวนมูลฟ้อง เจ้าของที่ดินจะต้องแสดงพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น เช่น การนำพยานบุคคลมาเบิกความ จัดทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดิน เป็นต้น
- สู้คดีในชั้นพิจารณา หากศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณา
ในชั้นพิจารณา เจ้าของที่ดินจะต้องต่อสู้คดีตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยอาจยื่นคำให้การ เรียกพยานบุคคลมาเบิกความ จัดทำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม เป็นต้น
หากเจ้าของที่ดินแพ้คดี เจ้าของที่ดินจะต้องออกจากที่ดินภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในคำพิพากษา หากเจ้าของที่ดินไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลอาจสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขับไล่ออกจากที่ดินได้
หากเจ้าของที่ดินต้องการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา เจ้าของที่ดินจะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์หรือฎีกาภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหมายแจ้งผลคำพิพากษา
ในการต่อสู้คดีฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินนั้น เจ้าของที่ดินควรขอความช่วยเหลือจากทนายความที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากคดีฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินเป็นคดีที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน ซึ่งทนายความจะสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือเจ้าของที่ดินในการต่อสู้คดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ