โอนที่ดินมรดก ของแม่ที่เสียชีวิต

การโอนที่ดินมรดกของแม่ที่เสียชีวิต สามารถทำได้โดยดำเนินการดังนี้

  1. ตรวจสอบสิทธิในการรับมรดก ทายาทจะต้องตรวจสอบสิทธิในการรับมรดกของตนก่อน โดยสามารถตรวจสอบได้จากพินัยกรรมของแม่หรือกฎหมายว่าด้วยมรดก หากทายาทมีสิทธิในการรับมรดก ก็จะต้องดำเนินการโอนที่ดินต่อไป
  2. รวบรวมเอกสาร ทายาทจะต้องรวบรวมเอกสารที่จำเป็นในการโอนที่ดิน ได้แก่
  • โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • ทะเบียนบ้าน
  • หลักฐานการตายของเจ้ามรดก เช่น ใบมรณบัตร
  • พินัยกรรม (ถ้ามี)
  1. ยื่นคำขอจดทะเบียนโอนมรดก ทายาทจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนโอนมรดกต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขาที่ที่ดินตั้งอยู่ โดยสามารถยื่นคำขอด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นแทนได้
  2. ชำระค่าธรรมเนียมและภาษี ทายาทจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนมรดก และอาจต้องชำระภาษีมรดกเพิ่มเติมหากมูลค่ามรดกเกิน 100 ล้านบาท
  3. รับโฉนดที่ดินใหม่ หลังจากดำเนินการจดทะเบียนโอนมรดกแล้ว ทายาทจะได้รับโฉนดที่ดินใหม่จากสำนักงานที่ดิน

ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนมรดก

  • ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนมรดก ร้อยละ 2 ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ในกรณีโอนมรดกระหว่างผู้บุพการีกับผู้สืบสันดาน หรือระหว่างคู่สมรส เรียกตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ร้อยละ ๐.๕
  • ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนผู้จัดการมรดก แปลงละ 50 บาท
  • ค่าประกาศมรดก แปลงละ 10 บาท

ภาษีมรดก

ทายาทจะต้องชำระภาษีมรดกเพิ่มเติมหากมูลค่ามรดกเกิน 100 ล้านบาท โดยอัตราภาษีมรดกมีดังนี้

  • ทายาทบุพการี คู่สมรส และบุตร เสียภาษีมรดกในอัตราคงที่ 5%
  • ทายาทพี่น้อง ลุง ป้า น้า อา เสียภาษีมรดกในอัตราคงที่ 10%

นอกจากนี้ ทายาทยังสามารถดำเนินการอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อปกป้องสิทธิของตน เช่น

  • ตรวจสอบโฉนดที่ดินว่าไม่มีภาระผูกพันใด ๆ
  • ตรวจสอบเอกสารการโอนมรดกให้ถูกต้อง
  • ชำระค่าธรรมเนียมและภาษีให้ครบถ้วน

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ทายาทสามารถปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำ

Share on: